คำถามที่พบบ่อย
- ebizkit (อี-บิส-กิต) คืออะไร?
- ebizkit ช่วยป้องกันการถูกโกงในการซื้อ-ขายยังไง
- อยากเริ่มต้นใช้งาน ebizkit ทำอย่างไร
- การสมัครเพื่อเป็นผู้ขายต้องใช้เอกสาร (ข้อมูล) อะไรบ้าง
- ผู้ซื้อจำเป็นต้องลงทะเบียนหรือไม่ และใช้งาน ebizkit อย่างไร
- ebizkit มีความน่าเชื่อถือแค่ไหนในการเป็นตัวกลางการซื้อ-ขาย
- ebizkit คิดค่าบริการในการใช้งานหรือไม่
- ผู้ซื้อต้องทำยังไงในการใช้ ebizkit เพื่อป้องกันการถูกโกง
- ผู้ขายจะได้รับเงินเมื่อไหร่ อย่างไร?
- เมื่อถูกผู้ขายโกง หรือคิดว่ามีความผิดปกติกับการซื้อ-ขายนี้ต้องทำอย่างไร
- ผู้ซื้อสามารถโกงได้หรือไม่?
ebizkit (อี-บิส-กิต) คือเครื่องมือที่ใช้เป็นตัวกลางในการซื้อ-ขายสินค้าเพื่อปิดช่องว่างในการถูกโกงจากการทำรายการระหว่างบุคคล
ebizkit ป้องกันด้วยการใช้ระบบของธนาคารมาพัฒนาต่อ เมื่อมีการซื้อ-ขายเกิดขึ้นบนระบบ ebizkit ผู้ซื้อสามารถทำการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าตามปกติ ยอดเงินดังกล่าวจะถูกเก็บเอาไว้ที่ีธนาคารและผู้ขายจะได้รับแจ้งถึงการชำระเงินเพื่อให้ดำเนินการจัดส่งสินค้าได้ เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าก็มาอนุมัติการจ่ายเงินเพื่อทำการปล่อยยอดการซื้อให้กับผู้ขาย
ผู้ใช้งาน ebizkit แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย
ผู้ขายต้องทำการลงทะเบียนและส่งเอกสารผ่านระบบเพื่อทำการยืนยันข้อมูลก่อนที่จะสามารถรับเงินจากการซื้อ-ขายได้
ผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน เพียงแต่ใช้ระบบ ebizkit ในการจ่ายเงินให้กับผู้ขาย
เริ่มต้นลงทะเบียน ebizkit โดยใช้เพียงที่อยู่อีเมล์ จากนั้นใช้ข้อมูลตามหน้าและหลังบัตรประชาชน ในการยืนยันตัวตนและสามารถเริ่มต้นขายสินค้าได้ทันที ในการรับเงินจากการขายสินค้าใช้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ชื่อเจ้าของบัญชีตรงกับข้อมูลบัตรประชาชน โดยสามารถส่งข้อมูลเหล่านี้ผ่านระบบ ebizkit ได้เลย ไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาที่เป็นกระดาษเข้ามา
ผู้ซื้อไม่จำเป็นสมัครใช้บริการในการใช้งาน ebizkit
การซื้อสามารถทำได้ด้วยการให้ผู้ขายสร้างรายการขายในระบบ ebizkit โดยระบุรายละเอียดผู้ซื้อเป็นคุณ หลังจากนั้นเมื่อคุณได้รับข้อมูลการซื้อ-ขายจากระบบ ebizkit คุณสามารถชำระเงินให้ผู้ขายผ่านช่องทางของระบบ ebizkit เช่น การโอนเงิน บัตรเครดิต QR Code ฯลฯ โดยทุกช่องทางจะมีรหัสกำกับป้องกันการโกงเอาไว้เพื่อให้ระบบ ebizkit สามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมนั้นๆได้
ระบบของ ebizkit ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยใช้ระบบพื้นฐานของธนาคาพานิชณ์เป็นรากฐาน กล่าวคือ ebizkit ใช้ระบบของธนาคารเป็นเบื้องหลังในการทำงานทั้งหมด ความปลอดภัยจึงมีความเทียบเท่ากับระบบของธนาคาร และมากกว่านั้น ebizkit ได้รับอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและได้รับเงินลงทุนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa
ทั้งการเชื่อมต่อพัฒนาจากระบบของธนาคาร ตลอดจนการอยู่ภายในการกำกับของหน่วยงานรัฐ ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมั่นได้ว่า ebizkit สามารถดำเนินการเพื่อเป็นตัวกลางในการซื้อ-ขายได้อย่างโปร่งใสและปลอดภัยที่สุด
ebizkit คิดค่าบริการเป็นรายครั้ง โดยมีค่าบริการดังนี้
ชำระเงินด้วยการโอนเงิน คิดค่าบริการ 3% ของยอดทั้งหมดที่ชำระ
ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต คิดค่าบริการ 3.5% ของยอดทั้งหมดที่ชำระ
โดยผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าบริการนี้ ระบบ ebizkit จำคำนวนและแจ้งยอดสุทธิให้ก่อนชำระเงิน
ebizkit ไม่มีค่ารายเดือน และไม่มีค่าสมาชิก
ผู้ขายจำเป็นต้องลงทะเบียนและผ่านการยืนยันเอกสารก่อน จากนั้นสร้างรายการซื้อ-ขายโดยระบุผู้ซื้อพร้อมทั้งรายละเอียดสินค้าหรือบริการ เมื่อบันทึกข้อมูลเหล่านี้แล้ว ระบบ ebizkit จะส่งรายละเอียดนี้ให้กับผู้ซื้อพร้อมทั้งวิธีการชำระเงิน ซึ่งวิธีการชำระเงินก็คือการชำระเงินตามที่ผู้ซื้อเคยทำมาเป็นปกติผ่านธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินหรือบัตรเครดิต แต่ระบบ ebizkit จะมีการแจ้งรหัสของการทำธุรกรรมระบุเอาไว้ตอนชำระเงิน เพื่อให้สามารถคุ้มครองและตรวจสอบได้
เมื่อผู้ซื้อชำระเงินผ่านระบบ ebizkit ผู้ขายสินค้าจะได้รับแจ้งถึงการชำระเงิน แต่ยอดเงินนี้จะถูกเก็บไว้ที่ธนาคารและยังไม่นำฝากให้กับผู้ขายทันที ผู้ขายจะสามารถสั่งถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้เมื่อผู้ซื้อได้กดรับสินค้า หรือหากผู้ซื้อได้รับสินค้าแต่ไม่ได้มากดรับสินค้า ผู้ขายจะสามารถสั่งถอนเงินได้ 7 วันตามปฏิทินหลังจากผู้ขายได้บันทึกวันจัดส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ
ถ้าหากเป็นการขายแบบต่อหน้า ผู้ซื้อกดเลือกได้รับสินค้าทันที่ชำระเงินและ ผู้ขายจะสามารถสั่งถอนเงินได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น
การถอนเงินมี 2 แบบคือ
- การถอนแบบด่วน จะได้รับยอดเข้าบัญชีในวันทำการถัดไป มีค่าถอน 30 บาท
- การถอนแบบปกติ จะได้รับยอดเข้าบัญชีภายใน 3-7 วันทำการ ไม่มีค่าใช้จ่าย
โดยการถอนเงินไม่มีขั้นต่ำในการถอนเงินและไม่จำกัดจำนวนในการถอน ธนาคารอาจหักค่าบริการอื่นๆได้ กรุณาสอบถามธนาคารเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอื่นๆที่อาจเกี่ยวข้องกับบัญชีของคุณ
ถ้าหากผู้ซื้อยังไม่ได้กดยอมรับสินค้า เงินจะยังอยู่ที่ธนาคารและผู้ซื้อสามารถสั่งระงับรายการเอาไว้เพื่อตรวจสอบได้ โดยการตรวจสอบมี 2 ขั้นตอนคือ
- ระงับเพื่อเจรจาระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย โดยในขั้นตอนนี้จะมีระยะเวลาไม่เกิน 7 วันตามปฏิทิน ผู้ซื้อและผู้ขายหาทางออกร่วมกัน หากไม่สามารถหาทางออกได้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถส่งเรื่องยกระดับเพื่อร้องเรียนได้
- ยกระดับสู่การร้องเรียน ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะเข้ามาตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายนี้ที่บันทึกอยู่ในระบบ ebizkit และเจ้าหน้าที่อาจจะขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ซื้อและผู้ขายได้ ระยะเวลาในขั้นตอนนี้คือไม่เกิน 14 วันตามปฏิทิน และเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายทราบถึงผลการตรวจสอบและขั้นตอนการดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ในการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จะใช้ข้อมูลที่บันทึกอยู่ในระบบ ebizkit เป็นหลัก ดังนั้นเพื่อประโยชน์ของตัวคุณ คุณควรใช้ระบบส่งข้อความบนระบบ ebizkit ในการสื่อสารกับอีกฝ่าย ตลอดจนเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายเอาไว้จนกว่าการซื้อ-ขายจะเสร็จสิ้น
ผู้ซื้ออาจจะไม่ยอมรับสินค้าหรือบริการ แต่ในความเป็นจริงคือได้รับสินค้าหรือบริการแล้ว เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ผู้ขายควรจะเก็บเอกสารและหลักฐานเอาไว้ให้ครบถ้วนจนกว่าการซื้อ-ขายจะสิ้นสุดลง ทั้งนี้ ในการไม่ยอมรับสินค้าหรือบริการ ผู้ซื้อจำเป็นต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมในการไม่ยอมรับสินค้าหรือบริการนั้นๆ เมื่อไม่ยอมรับ การซื้อ-ขายนั้นจะเริ่มต้นเข้าสู่ขั้นตอนการร้องเรียนทันที ดังนั้นผู้ขายไม่ต้องกังวลว่าอาจถูกผู้ซื้อไม่ยอมรับสินค้าทั้งๆที่ได้รับแล้ว